หมู่บ้านบุกชอนฮานก (Bukchon Hanok Village)
หมู่บ้านเกาหลีโบราณอันโด่งดังในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่อยู่ของขุนนางเก่าระดับสูง ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางดกกุง (Changdeokgung Palace) สภาพอาคารบ้านเรือน ยังคงเป็นแบบเก่าที่อนุรักษ์ไว้ ในละแวกใกล้ๆ กัน ก็มีพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของไก่แห่งกรุงโซล (Soul Museum of Chicken Art) จัดแสดงงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไก่
ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)
แหล่งขายของเก่าขึ้นชื่อของเมือง เป็นถนนแอนติค (Antique) มีทั้งร้านรวงแบบเดิม เช่น โรงน้ำชา ร้านอาหาร และร้านขายของ ที่ทั้งการตกแต่งตัวอาคาร รวมไปถึงสินค้าที่ขายในย่านนี้ ยังคงดำรงซึ่งศิลปวัฒนธรรมแบบเกาหลีโบราณ นักศิลปนิยมและคนรักของเก่าไม่ควรพลาดการมาเยือนอินซา-ดง
พระราชวังเคียงบกคุง (Gyeongbokgung Palace)
เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในสมัยโบราณมีอายุกว่า 600 ปี ถือเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเกาหลี เพราะในเขตพระราชวังนั้น ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และในละแวกเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของทำเนียบและบ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลี
เขตเมียงดง (Myeong dong)
คนไทยมักเรียกกันติดปากว่า “ตลาดเมียงดง” เพราะเป็นแหล่งร้านค้าชั้นนำของเมือง ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ และร้านค้าแผงลอยรายรอบ เน้นขายสินค้าแบรนด์เนมในประเทศเป็นหลัก ถือว่าเป็นถนนแฟชั่นของเกาหลี และยังอุดมไปด้วยร้านอาหาร ร้านคาเฟ่มากมาย ตลาดเมียงดงแห่งนี้ เป็นที่นิยมถึงขั้นมีการทำสถิติขึ้นมาว่า ทุกๆ วันจะมีนักช้อปปิ้งมาแวะเวียนมากว่า 1 ล้านคนต่อวัน
ตลาดนัมเดมุน (Namdaemun Market)
เป็นตลาดขายส่งขนาดใหญ่ คล้ายๆ สำเพ็งบ้านเรา เป็นแหล่งค้าส่งของประเทศ ที่มีร้านค้าสารพัดประเภทกว่าพันร้าน และหากคุณเป็นนักต่อสินค้าตัวยง ขอให้รู้กันไว้ก่อนว่า ตลาดค้าส่งแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นแหล่งปราบเซียนนักต่อรองสินค้าระดับพระกาฬ
หอคอยกรุงโซล (N’ Seoul Tower)
เป็นจุดชมวิวหลัก และเป็น 1 ใน 18 หอคอยสูงที่สุดของโลก กิจกรรมยอดนิยมจนเสมือนจะเป็นประเพณีของคู่รัก ที่มาเยือนหอคอยแห่งนี้ คือ การคล้องกุญแจแห่งรัก โดยคู่รักทั้งสองจะเขียนชื่อของตนไว้บนแม่กุญแจ และทำการล็อคไว้กับรั้วเหล็ก แล้วทิ้งลูกกุญแจไปซะ มีความเชื่อว่า จะช่วยให้ทั้งคู่ไม่พรากจากกัน นอกจากไฮไลท์เรื่องความรักแล้ว หอคอยแห่งกรุงโซลนี้ ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หมีน้อยเท็ดดี้ (Teddy Bear Museum) โดยมีการจัดโชว์ตุ๊กตาหมีจากทั่วโลก และมีการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเกาหลี ผ่านตุ๊กตาหมีในชุดเสื้อผ้าและเครื่องแบบต่างๆ
วัดโชเกซา (Chogyesa Temple)
เป็นวัดใหญ่แห่งเดียวในใจกลางเมืองหลวง สร้างขึ้นในปี 1910 และเป็นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายโซเก ซึ่งเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีต้นสนโบราณจากเมืองจีนอายุกว่า 500 ปีอีกด้วย
สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ (Lotte World)
เป็นสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีส่วนของสวนสนุกกลางแจ้ง ที่เรียกกันว่า “เกาะมายากล” (Magic Island) ซึ่งสวนสนุกแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยสารพัดเครื่องเล่น ทั้งในรูปแบบของสวนสนุกในจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นหอคอย เรือไวกิ้ง รถรางไฟฟ้า ม้าหมุน สนามเด็กเล่นในเทพนิยาย และพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้ในตัวอาคารเดียวกันยังมีส่วนของโรงแรม โรงหนัง ร้านค้า และร้านขายอาหาร
ตลาดทงเดมุน (Dongdaemun or Tongdaemun Market)
เป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซล และในเอเชีย นับเป็นตลาดยอดฮิตอีกแห่ง เป็นแหล่งขายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่แฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า ของที่ระลึก ของแต่งบ้าน สินค้าพื้นเมือง ฯลฯ แต่จุดเด่นจะอยู่ที่เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพราะตลาดนี้ จะมีทั้งขายส่งและขายปลีกเสื้อผ้ายี่ห้อเดียวกันกับบนห้างสรรพสินค้า แต่ราคาต่ำกว่าอยู่ประมาณหนึ่ง
ถนนโรดีโอ เขตอัปกูจองดง-กังนัม (Rodeo Street, Apgujeong dong-Gangnam)
ถนนเส้นนี้อยู่ไม่ไกลจากเขตเมียงดง และถึงกับได้รีวิวจากการท่องเที่ยวเกาหลี ว่าเป็น “อภิหาถนนแฟชั่นหรู” (Seoul’s Luxury Fashion Macca) ของประเทศ เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ จากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำของเกาหลี สนนราคาการจับจ่ายบนถนนเส้นนี้ไม่ถูก แต่ก็ถือว่าล้ำ นำสมัย และหรูหรา ไม่แพ้การไปช้อปปิ้งในเมืองใหญ่ ในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลยทีเดียว
ลองชองเกชอน
ที่เอาคลองซองเกชอนเข้ามาติดอันดับนั้น ก็เพราะว่าผมอยากให้เห็นถึงนวัตกรรมในการบำบัดน้ำเสีย และความตั้งใจจริงของรัฐบาลและประชาชนเกาหลี ที่จะเปลี่ยนคลองที่มีน้ำเน่าเสียและตื้นเขินให้หลายเป็นคลองที่ ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำใสสะอาด ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโซล ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงจะเป็นคลองแสนแสบ แต่จะให้น้ำใสสะอาดเหมือนคลองซองเกชอน ก็คงต้องใช้ความร่วมมือทั้งรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก
คลองชองเกชอน
เป็นคลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน อายุกว่า 600 ปี ความยาวประมาณ 5.84 กิโลเมตร ไหลผ่านย่านใจกลางกรุงโซล แต่ในช่วงค.ศ. 1957-1977 ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ทำให้คลองถูกถมลงเป็นถนนและทางด่วน เกิดตึกสูงมากมาย คลองชองกเยชอนก็เริ่มเน่าเสียและตื้นเขิน เรียงไปด้วยชุมชนแออัด
จนกระทั่งปีค.ศ. 2002 นายลี มยองปาก ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองชองเกชอน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 2,000 ครั้ง แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดีในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยเริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2005 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ใช้งบประมาณกว่า 380,000,000,000 วอน หรือราวๆ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮันเข้ามาที่ต้นคลอง มีการสร้างน้ำพุตลอดแนว และมีน้ำตกเป็นแนวกั้นน้ำฝน มีสะพานกว่า 22 แห่ง และทางเดินเลียบคลอง จนปัจจุบันคลองชองกเยชอนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากในกรุงโซล